คอลัมน์ เคลียร์ปมร้อน: คลื่น 1800 เจ้าปัญหา
วันที่ : 04-11-2013
โดย : โพสต์ทูเดย์ วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คอลัมน์ เคลียร์ปมร้อน: คลื่น 1800 เจ้าปัญหา

โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติเห็นชอบ 7 ต่อ2 ในการอนุญาตให้ผู้ให้บริการบนคลื่นความถี่1800 เมกะเฮิรตซ์ ที่ใช้ให้บริการกับลูกค้าผ่านสัญญาสัมปทานที่ทำขึ้นกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม(กสทฯ) ได้แก่ บริษัท ทรูมูฟ และบริษัท ดิจิตอล โฟน (ดีพีซี) ซึ่งให้บริการลูกค้าอยู่บนคลื่นดังกล่าวรวมกันเกือบ18 ล้านราย และสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ได้รับการขยายระยะเวลาชั่วคราวและสามารถให้บริการบนคลื่นความถี่ที่หมดอายุสัมปทานได้ต่อไปชั่วคราว เพื่อเป็นการเยียวยาผู้ใช้บริการที่ยังคงค้างอยู่หลังคลื่นหมดอายุสัมปทาน ให้สามารถใช้บริการอย่างต่อเนื่องหรือไม่เจอกับเหตุการณ์ซิมดับ

จากกรณีดังกล่าว "วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง" อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โครงการติดตามนโยบายสื่อและโทรคมนาคม ได้นำเสนอข้อเขียนที่มีประเด็นน่าสนใจกรณีการจัดการกับคลื่น1800 นั้น กสทช. มีฐานอำนาจทางกฎหมายในการขยายระยะเวลาคืนคลื่นหลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุดหรือไม่?และการกระทำดังกล่าวขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาตหรือไม่?

ในร่างประกาศคุ้มครองผู้ใช้บริการฯ กทค. อ้างอำนาจตามกฎหมายดังนี้

มาตรา 47 ในรัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดให้ กสทช. ดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนสูงสุด

มาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ระบุว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตจะพักหรือหยุดการให้บริการทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ได้ดังนั้นจึงไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ซิมดับได้

มาตรา 27 (4) (6) (13) แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯให้อำนาจ กสทช.ในการพิจารณาอนุญาตและกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่ตามหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาต เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ รวดเร็วถูกต้องและเป็นธรรม

มาตรา 84 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯประกอบกับมาตรา83 ให้อำนาจ กสทช.ในการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนในการให้ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่หรือใช้คลื่นความถี่เพื่อนำไปจัดสรรใหม่

นอกจากนี้ กทค.ยังตีความมาตรา 45 (ผู้ใดประสงค์ใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคมต้องได้รับอนุญาตโดยวิธีการประมูลคลื่นเท่านั้น)ว่ามาตรการขยายระยะเวลาเป็นมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค มิใช่ "ความประสงค์" ของผู้ให้บริการ กล่าวคือ เอกชนไม่ได้ต้องการประกอบกิจการ แต่กทค.นำคลื่นไปให้เอกชนใช้เพื่อเยียวยาผู้บริโภคจึงไม่เข้าข่ายมาตรา 45

อย่างไรก็ตาม การตีความหมายของ กทค. จุดประกายให้เกิดข้อโต้แย้งถกเถียง อันที่จริง กทค.ก็ควรส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กสทช.ให้แนวทางความเห็น ทว่า กทค. กลับปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น และเลือกผูกขาดการตีความกฎหมายไว้เอง

เมื่อพิจารณาตัวบทกฎหมายข้างต้นแล้วกทค.ไม่มีฐานอำนาจทางกฎหมายในการขยายระยะเวลาการคืนคลื่นออกไปเจตนารมณ์ในกฎหมายต้องการให้คลื่นที่หมดอายุสัมปทานคืนกลับมาสู่มือสาธารณะในฐานะทรัพยากรสื่อสารของชาติและให้อำนาจ กสทช.เป็นตัวแทนในการจัดสรรเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทาน ซึ่งขาดความโปร่งใสและสร้างสนามแข่งขันที่ไม่เท่าเทียม ไปสู่ระบบใบอนุญาตด้วยวิธีการประมูล ซึ่งมีความโปร่งใสและสร้างกฎกติกาการแข่งขันที่เท่าเทียมกว่า อีกทั้ง กทค.มีเวลาเตรียมการเพียงพอให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่ขัดกับข้อกฎหมาย ย่อมเป็นการสร้างมาตรฐานที่ไม่ดีให้กับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบใบอนุญาต ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของ กทค. ตามที่กฎหมายกำหนด


Back to Top